คีย์แมนสำคัญฟูแล่ม และ แมนฯ ยูฯ

แน่นอนว่าโอกาสที่ โซลชา จะก้าวขึ้นมาทำสถิติเทียบเท่า "ป๋า" มีค่อนข้างสูง

แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือด้วยฟอร์มการเล่นที่กำลังอยู่ในช่วงติดลมบน ดีไม่ดี นายใหญ่ชาวนอร์เวย์ อาจจะทำลายสถิติไร้พ่ายนอกบ้านที่ยาวนานมากกว่า 22 ปีของท่านเซอร์ก็เป็นไปได้ แม้ว่า อังเดร-แฟร้งค์ แซมโบ แองกีสซ่า กองกลางทีมชาติแคเมอรูน จะต้องพบกับความยากลำบากในการเล่นให้

ฟูแล่ม ช่วง 2 ปีแรก และโดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ "เรือดำน้ำเหลือง" บียาร์เรอัล เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ฟอร์มของเขาค่อยๆ กลับมาแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องอดีตดาวเตะโอลิมปิก มาร์กเซย เป็นผู้เล่นตัวหลักที่กุนซือ สกอตต์ พาร์คเกอร์ ขาดไม่ได้จริงๆ โดยเขาลงสนามให้กับทีมไปแล้ว 17 เกม (ตัวจริง 15 เกม) ในฤดูกาลนี้ โดยทำหน้าที่ตรงกลางสนามได้อย่างดีเยี่ยม และมีส่วนช่วยทำ 2 แอสซิสต์ให้กับ "เจ้าตัวน้อย" แซมโบ แองกีสซ่า ยังมีฟอร์มการเล่นในการลากเลื้อยที่แข็งแกร่งมากๆ โดยมีแค่ อดาม่า ตราโอเร่ kobawa.net ปีกร่างบึ้กของ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส เท่านั้น ที่เลี้ยงบอลหลบคู่แข่งได้มากกว่าเขา ที่สำคัญสถิติของเจ้าตัวแสดงให้เห็นว่าเป็นนักเตะที่ดีที่สุดของ ฟูแล่ม ในฤดูกาลนี้ ด้วยค่าเฉลี่ย 7.24 เลยทีเดียว

ส่วนของ แมนฯ ยูไนเต็ด หลายคนอาจจะมองไปที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส

ซึ่งเป็นหัวใจในเกมรุกของทีมมาตลอด และมันก็ถูกต้องแล้ว แต่กระนั้น "ปีศาจแดง" ยังมีคีย์แมนทีเด็ดอีกหลายคนโดยหนึ่งในนั้นก็คือ เอดินสัน คาวานี่ หัวหอกชาวอุรุกวัยเจ้าของฉายา "เอล มาทาดอร์" ซึ่งย้ายมาเล่นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด แบบฟรีเอเจนต์ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

ทำผลงานได้ดีมาตลอดไม่ว่าจะลงสนามในฐานะตัวจริงหรือตัวสำรอง ซึ่งเขาสามารถช่วยสร้างความแตกต่างในเกมรุกของ แมนฯ ยูฯ ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญการเจอกับ ฟูแล่ม ที่คาดว่าคงใช้แผนตั้งรับลึก และคงทำให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และ เมสัน กรีนวู้ด ต้องเจอสถานการณ์อึดอัดในการหาพื้นที่เพื่อใช้ความเร็ว จึงเป็นโอกาสทองที่ โซลชา จะใช้ คาวานี่ ที่มีประสบการณ์และความเฉียบคมในการจัดการกับทีมที่เน้นการเล่นแท็คติกแบบนี้ แม้ว่าตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะหล่นมาอยู่ในอันดับ 2 ของตารางลีกก็ตาม เนื่องจาก เลสเตอร์ ซิตี้ เพิ่งจัดการสอย เชลซี ในเกมลีกเมื่อวันอังคารที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา แต่พวกเขาก็สามารถแซงขึ้นไปเป็นจ่าฝูงได้หากคว้าชัยชนะในเกมเยือน ฟูแล่ม แน่นอนว่าการคว้า 3 คะแนนไม่ใช่แค่การกลับไปยืนบนหัวตารางลีกเท่านั้น แต่ยังเป็นการเรียกขวัญกำลังใจให้กับทีมทันที และยังโยนแรงกดดันไปให้กับบรรดาทีมตามทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เลสเตอร์ รวมทั้ง ลิเวอร์พูล ที่จะต้องห้ามพลาดเด็ดขาดหากยังต้องการมีเอี่ยวกับแชมป์ลีก อย่าลืมว่าตอนนี้เข้าสู่ครึ่งทางของฤดูกาล 2020/2021 ฉะนั้นทุกแต้มมีความสำคัญมากๆ โดยเฉพาะบรรดาทีมหัวตาราง

เพราะเพียงแค่การพลาดท่าเกมหรือสองเกม อาจจะนำไปสู่อันดับในตารางที่เปลี่ยนไปอย่างน่าใจหาย ไม่เชื่อก็ลองดู ลิเวอร์พูล การไร้ชัยชนะ 4 แมตช์ติดต่อกันส่งผลให้พวกเขาต้องหล่นไปอยู่ในอันดับ 4 และถ้าหากยังเรียกฟอร์มแชมป์กลับมาไม่ได้ งานนี้การลุ้นอันดับท็อปโฟร์อาจจะเป็นงานที่ยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาด้วย