ถูกใจแฟนผี! เบอร์บาตอฟแนะเคนซบแมนยู ชี้มีเส้นทางคล้ายกับตน
- matin looser
- 8 ม.ค. 2564
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 15 ม.ค. 2564
ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ อดีตกองหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาแนะนำให้ แฮร์รี่
เคน ดาวยิงตัวเก่งของ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ย้ายไปร่วมทัพ “ปีศาจแดง” หลังจบฤดูกาลนี้ โดยเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องย้ายไปประสบความสำเร็จ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาดาวเตะวัย 26 ปี มีกระแสข่าวลือว่าพร้อมที่จะอำลา “ไก่เดือยทอง” หลังจบฤดูกาล 2019-20 เพื่อที่จะไปตามหาความสำเร็จกับที่อื่น
หลังจากที่เขายังไม่เคยได้แชมป์อะไรเลยทั้งที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในยอดกองหน้าของยุคนี้ โดยเจ้าตัวตกเป็นข่าวกับหลายทีมยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เรอัล มาดริด เบอร์บาตอฟ กล่าวผ่าน เบตแฟร์ ว่า “ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้เห็นคอมเมนต์จาก แฮร์รี่ เคน, ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าเขามีความรักต่อสเปอร์สมากแค่ไหน แต่ถ้าพวกเขายังไม่ประสบความสำเร็จมันก็ถึงเวลาที่ เคน mciverspm.com จะต้องก้าวออกมาเสียที แน่นอนเขาต้องคิดถึงเรื่องนี้มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา” “ผมคิดว่าเมื่อฟุตบอลกลับมาลงฟาดแข้งกันอีกครั้งมันจะมีสิ่งที่เปลี่ยนไปโดยเฉาะเรื่องการใช้เงินในการซื้อ-ขายนักเตะ และถ้าคุณเป็น เคน ในสถานการณ์แบบนี้ โดยมี แดเนียล เลวี เป็นประธานสโมสร เขาจะไม่มีวันขายในราคาถูกๆอย่างแน่นอน, เขาจะมีคำถามว่าถึงเรื่องความแฟร์ ซึ่งในกรณีของเขาจะต้องทำเงินก้อนโตเท่านั้น” “ผมรู้สึกเห็นถึงความคล้ายกันมากในสถานการณ์ที่ผมเคยเจอกับสิ่งที่เกิดกับ เคน ที่มีข่าวเชื่อมโยงกันระหว่าง สเปอร์ส กับ แมนฯ ยูไนเต็ด, เช่นเดียวกับในรายของ เท็ดดี้ เชอริงแฮม
เคยย้ายจากสเปอร์สไปเล่นที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และตอนนี้ เคน
ก็กำลังมีข่าวเชื่อมโยงไปเล่นที่นั่น” “มันเป็นช่วงเวลาที่คล้ายกันมากระหว่างเขากับผมบนเส้นทางอาชีพการค้าแข้ง คุณเริ่มคิดว่าถ้าคุณอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องและคุณคิดเกี่ยวกับการคว้าแชมป์ต่าง ๆ เมื่อตอนที่ผมออกจากสเปอร์ส แม้จะเคยสัมผัสแชมป์ร่วมกับสโมสร (ลีก คัพ) และมันเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจเลยแหละ” สำหรับ เบอร์บาตอฟ เคยอยู่กับ สเปอร์ส ในระหว่างปี 2006-2009
และทำได้เพียงคว้าแชมป์ลีกคัพ 1 สมัย ก่อนจะตัดสินใจย้ายไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และไปประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย, และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ อีก 1 สมัยนอกจากนี้ยังผ่านทะลุถึงรอบรองชนะเลิศศึกเดเอฟเบ คัพ และกำลังจะผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายศึกยูเอฟ่า แชมเปียนส์ลีกด้วยฟอร์มอันร้อนแรง นักเตะที่เป็นกุญแจสำคัญของบาเยิร์นในซีซั่นนี้ก็คือโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ศูนย์หน้าชาวโปแลนด์วัย 31 ปีที่ยิ่งแก่ ก็ยิ่งเก่ง โชว์ฟอร์มดีวันดีคืน เขาสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับบุนเดสลีกาด้วยการยิงประตูตลอด 11 นัดแรกของฤดูกาล ขยับสถิติยิงในบุนเดสลีการวมไปเป็น 227 ประตูจากการลงเล่น 313 นัด ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 ในทำเนียบดาวยิงตลอดกาลบุนเดสลีกา อดีตดาวยิงของดอร์ทมุนด์คนนี้โชคร้ายได้รับบาดเจ็บเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเขากำลังใช้โอกาสในช่วงที่ศึกบุนเดสลีกามีอันต้องพักการแข่งขันชั่วคราวในการรักษาตัว โดย ที่ในตอนนี้เขาก็ยังคงนำเป็นดาวซัลโวในลีกอยู่ด้วยผลงาน 25 ประตูหลังจากที่เคยคว้ารางวัลดาวซัลโวมาแล้ว 4 สมัย สำหรับในศึกบุนเดสลีกา ทีมบาเยิร์น มิวนิคยิงประตูคู่แข่งไปแล้วรวม 73 ประตูจาก 25 นัด ชนะคู่แข่งได้ 17 นัดซึ่งมีถึง 9 นัดที่ยิงได้ 4 ประตูขึ้นไป จุดเปลี่ยนที่ทำให้บาเยิร์นกลับมาท็อปฟอร์มอีกครั้งน่าจะอยู่ที่การเข้ามาคุมทีมของฮันซี่ ฟลิคในเดือนพฤศจิกายน โดยฟลิคสามารถพาทีมเอาชนะดอร์ทมุนด์ได้ในศึก “แดร์ คลาสสิกเคอร์” ถึง 4-0 ประตู และเป็นการเอาชนะทีม “เสือเหลือง”
ในบ้านเป็นนัดที่ 6 ติดต่อกัน เสริมความมั่นใจให้ขุนพลนักเตะทีม “เสือใต้” ได้มากมายทีเดียว ส่วนอีกคนที่ถือว่าเป็น “เซอร์ไพรส์” ของทีมก็คือ โทมัส มุลเลอร์ ทั้งที่หลายคนเชื่อว่ามุลเลอร์น่าจะหมดพิษสงไปแล้ว แต่แข้งวัย 30 ปีดีกรีแชมป์โลกกลับโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมเช่นเคย เขาจ่ายแอสซิสต์สูงสุดในลีกถึง 16 ครั้งแถมยังยิงเองอีกได้ 6 ประตู มุลเลอร์จึงกลายเป็นลูกรักของฟลิคไปอย่างไม่ต้องสงสัย
留言