แดงเดือดระอุ!
- matin looser
- 16 ม.ค. 2564
- ยาว 1 นาที
สุดสัปดาห์นี้ พรีเมียร์ลีก กลับมาฟาดแข้งตามโปรแกรมปกติ หลังหลีกทางให้กับฟุตบอล เอฟเอ คัพ
เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว โดยความมันส์และความน่าสนใจอยู่ที่คืนวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นศึกแดงเดือด ระหว่าง ลิเวอร์พูล เปิดบ้านรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขณะเดียวกัน คู่อื่นๆ จะมีประเด็นอะไรน่าสนใจบ้าง เราไปดูกันได้เลย สำหรับเกมคู่นี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกบนเวที พรีเมียร์ลีก ที่ทั้งสองทีมเจอกัน
โดยมีผู้จัดการทีมสัญชาติอังกฤษ ลงคุมทัพ โดย สกอตต์ พาร์คเกอร์ กุนซือของ ฟูแล่ม ลงคุมทีมครั้งแรก คือการคว้าชัยชนะเหนือ เชลซี 2-1 เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2019 ขณะเดียวกัน "เจ้าสัวน้อย" ไม่แพ้ใครในเกมลีกมาแล้ว 5 นัดติดต่อกัน ทว่าทั้งหมดเป็นการเสมอทุกนัด ผลเสมอกับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ทำให้ ฟูแล่ม ยุติความพ่ายแพ้เกม ลอนดอน ดาร์บี้ บนลีกสูงสุด 13 นัดติดต่อกัน โดยครั้งสุดท้ายก่อนหน้านี้ที่พวกเขาไม่แพ้เกมดาร์บี้แมตช์อย่างน้อย 2 นัดติดต่อกันนั้นเกิดขึ้นระหว่างเดือนมกราคมถึง nssafame.com เดือนเมษายนของปี 2013 โดยตอนนั้นชนะเกมดาร์บี้แมตช์ 3 นัดรวด เชลซี แพ้ต่อ ฟูแล่ม แค่เกมเดียวจาก 28 นัดที่เจอกัน (ชนะ 17 เสมอ 10) และกว่า 373 นัดระหว่างทีมที่เจอกันอย่างน้อย 50 เกมบนเวทีลีกสูงสุด ทีมที่มีอัตราการชนะต่ำสุดต่ออีกทีมคือ ฟูแล่ม ที่พวกเขามีเปอร์เซนต์ชนะ เชลซี ได้แค่ 6% เท่านั้น
การเจอกันของคู่นี้ 4 เกมหลังสุด ฝั่งที่ได้รับชัยชนะทุกนัดดังกล่าวคือฝั่งที่เล่นเป็นทีมเยือน
ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ฝั่งทีมเยือนคว้าชัยในคู่นั้นๆ 5 ครั้งติดต่อกัน คือการเจอกันระหว่าง คริสตัล พาเลซ กับ ลิเวอร์พูล ระหว่างเดือนพฤษภาคม ปี 2015 ถึงเดือนเมษายน ปี 2017 5 ประตูของ เจมี่ วาร์ดี้ ศูนย์จอมเก๋าของ เลสเตอร์ ที่ยิงใส่ เซาธ์แฮมป์ตัน ทั้งหมดเกิดขึ้นในการออกไปเยือน โดยการเล่นในบ้าน 7 เกม เขามีโอกาสยิง 7 ครั้ง และตรงกรอบแค่ 3 หนเท่านั้นในการเจอกับ "เดอะ เซนต์ส"
นอกจากนี้ "นักบุญ" ยังไม่แพ้ต่อ "เดอะ ฟ็อกซ์" ในการออกไปเยือน 4 นัดหลังสุดในศึก พรีเมียร์ลีก โดยคว้าชัยได้ 2 เกมด้วยกัน ขณะเดียวกัน เซาธ์แฮมป์ตัน ยังมองหาการรักษาคลีนชีต 4 เกมติดต่อกันเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เคยทำไว้ 6 นัดติดเมื่อปี 2016 ซึ่งตอนนี้พวกเขาเก็บคลีนชีตฤดูกาลนี้ไปแล้ว 8 ครั้ง น้อยกว่าเมื่อซีซั่นที่แล้วทั้งซีซั่นนัดเดียวเท่านั้น เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด แพ้ต่อ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ แค่ 2 นัดจากการเจอกัน 11 เกมหลังสุดบนลีกสูงสุด (ชนะ 5 เสมอ 4) โดยเมื่อฤดูกาลก่อน พวกเขาเก็บ 4 แต้มได้จาก "ไก่เดือยทอง" "ทีมดาบคู่" จะเป็นทีมแรกต่อจาก เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ช่วงระหว่างเดือนเมษายน ถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2018 ทันทีที่เอาชนะเกม พรีเมียร์ลีก 2 นัดติดต่อกันในฐานะทีมอันดับสุดท้ายของตาราง หากพวกเขาเอาชนะ สเปอร์ส ได้นัดนี้ (นัดก่อนชนะ นิวคาสเซิล 1-0)
ไม่มีทีมไหนใน พรีเมียร์ลีก อีกแล้วที่จะทำประตูในช่วงครึ่งแรกได้มากกว่า สเปอร์ส (19) รวมถึงการที่พวกเขาเป็นทีมที่ยิงช่วง 15 นาทีมากที่สุดที่ 8 ลูก อย่างไรก็ตามพลพรรค"ไก่เดือยทอง" คือทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในช่วงครึ่งเวลาแรกแค่ 4 ประตูเท่านั้น
Commentaires